สำหรับรังและที่อยู่อาศัยของนกแก้วโดยทั่วไปมักอยู่ตามในโพรงไม้ หรือโพรงหิน ไม่นิยมใช้วัสดุต่าง ๆ ทำรัง นกจากนกแก้ว เควเคอร์(Quaker Parrakeet) และ นกแก้ว อัฟเบริด์ (Lovebirds) นกแก้วทั้ง 2 ชนิดนี้ นิยมทำรังโดยใช้แขนงหรือกิ่งไม้เล็ก ๆ เศษ หญ้า เปลือกไม้โดยนำมาสานประกอบขึ้นเป็นรังเป็นนกปากงุ้มเป็นขอในวงศ์ Psittacidae ตัวสีเขียว ปากแดง อยู่รวมกันเป็นฝูง กินเมล็ดพืชและผลไม้ ในประเทศไทยมีหลายชนิด เช่น นกแก้วโม่ง (Psittacula eupatria) แก้วหัวแพร (P. roseata) นกมาคอว์ อาหารที่ชอบกินคือผลไม้ โดยนกแก้วมีหลายชนิดและมีสีสดใส ส่วนมากเราจะเห็นนกแก้วมีสีแดง สีน้ำเงิน สีฟ้า
นกที่คนไทยชอบเลี้ยงมาแต่โบรานมีนกแก้วรวมอยู่ด้วย เพราะนกแก้วสามารถเลียนเสียงมนุษย์ได้ กล่าวกันว่ามันมีความจำดี เรียนรู้ได้เร็ว ถ้าพูดอะไรให้ฟังบ่อยๆก็สามารถพูดได้ กล่าวกันว่าเมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชยกทับไปบุกอินเดียได้ทอดพระเนตรเห็นนกแก้วเข้า ก็ชอบพระทัยได้ทรงนำกลับยุโรปด้วย และในไม่ช้าก็เป็นที่นิยมมาก ด้วยเหตุนี้ในสมัยนั้นนกแก้วจึงมีราคาแพงมาก จึงได้มีการค้าขายนกแก้วทั้งในยุโรปและเอเชีย การที่คนเราชอบเลี้ยงนกแก้วนั้นเห็นจะเป็นเพราะเหตุ 4 ประการ
- นกแก้วมีสีสวย รูปร่างงดงาม
- สามารถพูดเลียนภาษามนุษย์ได้
- เลี้ยงง่าย
- อายุยืน อย่างในเรื่อง Popular Pet Birds ของ R.P.N. Sinha กล่าวว่า นกแก้วมีอายุยืนมาก อาจอยู่ได้ถึง 70 ปี
ตามหลักอนุกรมวิธาน จัดนกแก้วอยู่ในอันดับนกแก้ว หรือ Order Psittaciformes มีการกระจายพันธุ์ในเขตป่าร้อนทั่วโลกรวม ๓๕๘ ชนิด
ประเทศไทยพบ ๗ ชนิดใน ๓ สกุล ได้แก่ นกหกใหญ่ นกหกเล็กปากแดง นกหกเล็กปากดำ นกแก้วโม่ง นกกะลิง นกแก้วหัวแพรและนกแขกเต้า อาศัยและหากินบนต้นไม้ กินผลไม้และเมล็ดพืช บินได้ดีและเร็ว มักพบอยู่เป็นคู่หรือฝูง ร้องเสียงแหลม ทำรังตามโพรงไม้ ไข่สีขาวค่อนข้างกลม วางไข่ ๒ – ๖ ฟอง ปีละ ๑-๒ ครอก ลูกนกแรกเกิดไม่มีขน มีสภาพเป็นลูกอ่อน ตาปิดเดินและช่วยตนเองไม่ได้ ต้องได้รับการดูแลจากพ่อและแม่นกอย่างใกล้ชิด
พ่อแม่นกในธรรมชาติจะวางไข่และฟักในโพรงไม้ซึ่งมีทางเข้า-ออกทางเดียว เมื่อลูกนกออกมาจากไข่ก็จะขย้อนอาหารออกมาจากกระเพาะพักของตนเองให้กิน โดยผลัดกันเลี้ยงตลอดวัน ลูกนกที่อายุน้อยจะได้รับการป้อนอาหารเกือบทุกชั่วโมง และเมื่อลูกนกเติบโต ระยะเวลาระหว่างมื้อจะค่อย ๆ ห่างขึ้น จนถึงระยะเวลาหยุดป้อนที่อายุประมาณ ๓–๕ เดือน (ขึ้นกับชนิดของนกนั้นๆ ถ้านกแก้วขนาดเล็กจะหย่าป้อนก่อนนกแก้วขนาดใหญ่ ซึ่งอาหารส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้และเมล็ดพืชป่าชนิดต่างๆ จากนั้นลูกนกก็จะปีนออกมาที่ปากรังเพื่อเริ่มหัดบิน โดยพ่อแม่นกจะหยุดป้อนอาหารหรือป้อนน้อยมาก จนลูกนกทนหิวไม่ไหว และในที่สุดก็ต้องบินตามพ่อแม่ไปหากิน ต่อไปจะกล่าวถึงการดูแลลูกนกแก้วและปัญหาที่พบได้บ่อย ในช่วงอายุตั้งแต่ ๑ วันถึงหยุดป้อนอาหาร
การดูแลลูกนกแก้วโดยมนุษย์ มีข้อมูลที่ท่านเจ้าของต้องทราบข้อมูลที่ถูกต้องและลงในรายละเอียด ดังนี้
• สิ่งแวดล้อม ที่ลูกนกอยู่ไม่ว่าจะเป็นในโพรงรังที่พ่อแม่เลี้ยงเองว่ามีการเปลี่ยนสิ่งปูรองหรือไม่ เพราะรังที่สกปรกจะทำให้ลูกนกป่วยได้ง่ายมาก หรือรังที่พ่อแม่นกใช้มานานจนเก่าผุพังน้ำรั่ว หรือมีแมลงสาบ หนูบ้านเข้าไปได้หรือไม่ เพราะเหล่านี้จะพาโรคและอันตรายเข้าไปสู่ลูกนกได้ แต่ถ้าเก็บไข่มาฟักเองเราก็ต้องดูความสะอาดของห้อง เลี้ยงลูกนกแออัดเกินไปหรือไม่ ทำความสะอาดเป็นประจำหรือไม่ เคยมีโรคระบาดหรือไม่ ตู้อบลูกนกก็ต้องมีการเช็ดทำความสะอาดหรืออบฆ่าเชื้อ อย่างน้อยปีละ ๓ ครั้ง กรงต้องมีการทำความสะอาดทุกวัน อุณหภูมิห้องเลี้ยงและตู้อบไม่ควรจะต่ำกว่า ๓๐-๓๖ องศาเซลเซียส เพราะทำให้ลูกนกอบอุ่นและเติบโตได้ดีไม่ป่วยง่าย ความชื้นในตู้อบลูกนกก็ต้องอ้างอิงตาม สายพันธุ์ของนกชนิดนั้นๆแต่โดยปกติไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖๐
• วันที่ลูกนกจะเปิดเปลือกตา จะแตกต่างกันตามสายพันธุ์ เช่น ในนกแก้วมาคอว์ประมาณ ๑๔-๒๘ วัน นกกระตั๊ว ๑๐- ๒๑ วันและนกแก้ว Amazon ๑๔-๒๑ วัน ส่วนช่องหูนกส่วนใหญ่จะเปิดมาตั้งแต่ฟักจากไข่แต่ในนกแก้วมาคอว์ผิวหนังบริเวณส่วนหูจะเปิดเมื่ออายุประมาณ ๒๓ วัน
• สิ่งปูรอง ต้องสะอาด ความสามารถในการดูดซับของเสีย ความสะดวกในการซื้อหาต้องมีขายตลอดปี ลูกนกชอบหรือไม่อันนี้ผู้เลี้ยงต้องสังเกตเอาเอง ราคาต้องไม่สูงมากเกินไปเพราะต้องใช้ตลอดปี
• เครื่องมือในการเลี้ยง ถังเลี้ยงต้องเป็นพลาสติกเพราะทำความสะอาดได้ง่าย ช้อนสแตนเลสดีที่สุด ไม่แนะนำพลาสติกเพราะจะเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย กระบอกฉีดยาควรเตรียมไว้เป็นจำนวนมาก เพราะต้องเปลี่ยนใหม่ทุก ๑-๒ สัปดาห์ สายป้อนอาหาร ที่นิยมกันคือใช้ยางไส้ไก่ จักรยาน แต่มักหลุดเข้าไปใน กระเพาะพักของลูกนก จนต้องลำบากให้สัตวแพทย์ผ่าออกอยู่เสมอ ในปัจจุบันมีสายป้อนอาหารขนาดใหญ่ และสะดวกต่อการป้อนอาหารลูกนกมาก เทอร์โมมิเตอร์ใช้วัดทั้งอุณหภูมิอาหารและอุณหภูมิห้องเลี้ยงลูกนก น้ำยาฆ่าเชื้อเลือกที่สามารถฆ่าได้ทั้งแบคทีเรีย เชื้อราและไวรัสได้ และที่สำคัญสามารถใช้สัมผัสตัวลูกนกได้ ซึ่งมีให้เลือกหลายยี่ห้อ เครื่องทำความร้อนหรือกาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า ใช้อุ่นน้ำให้ร้อนอยู่ตลอดเวลาไว้ชงอาหารลูกนก ตาชั่งใช้ชั่งอาหารตามสัดส่วนความเข้มข้นที่กำหนดไว้และชั่งลูกนกเพื่อจดบันทึกการเติบโตทุกวัน
• อาหาร เป็นที่ทราบกันดีว่าอาหารต่างประเทศดีกว่าของไทยมาก คุณภาพขึ้นกับราคา น้ำจะใช้น้ำประปามาต้ม เพื่อชงอาหารป้อนลูกนก แต่ถ้าใช้น้ำบาดาลควรต้มหรือผ่านเครื่องกรองให้ดีเสียก่อนนำมาใช้ ส่วนวิตามิน อาหารเสริมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้หรือผักสดชนิดต่างๆ ก็สามารถนำมาป่นและผสมกับอาหารป้อนลูกนกได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น