สิงโต (อังกฤษ: lion) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีกระดูกสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่ในวงศ์ Felidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับแมว สิงโตมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera leo มีขนาดลำตัวใหญ่ ขนาดไล่เลี่ยกับเสือโคร่งทั่วไป (P. tigris) ซึ่งเป็นสัตว์ในสกุล Panthera เหมือนกัน จัดเป็นสัตว์ในวงศ์ Felidae ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดรองมาจากเสือโคร่งไซบีเรีย (P. t. altaica) พื้นลำตัวสีน้ำตาล ไม่มีลาย ตัวผู้เมื่อโตเต็มที่จะมีขนสร้อยคอยาว ขนปลายหางเป็นพู่ ชอบอยู่เป็นฝูงตามทุ่งโล่ง มีน้ำหนักประมาณ 250 กิโลกรัม (550 ปอนด์) ตัวเมียมีขนาดเล็กกว่า มักทำหน้าที่ล่าเหยื่อ มีน้ำหนักประมาณ 180 กิโลกรัม (400 ปอนด์) มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกาและประเทศอินเดีย ในป่าธรรมชาติ สิงโตมีอายุขัยประมาณ 10-14 ปี ส่วนสิงโตที่อยู่ในกรงเลี้ยงมีอายุยืนถึง 20 ปี
ชนิดย่อย
สิงโตในปัจจุบัน เดิมมี 12 ชนิดย่อยที่ได้รับการยอมรับ จำแนกความแตกต่างจาก แผงคอ ขนาด และการกระจายพันธุ์ เพราะลักษณะเหล่านี้ไม่ได้มีนัยสำคัญและมีความแปรผันในแต่ละตัวสูง ทำให้รูปแบบส่วนมากอาจไม่ใช่ชนิดย่อยที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตั้งอยู่บนพื้นฐานของสิงโตในสวนสัตว์ซึ่งไม่ทราบแหล่งที่มานั้นอาจมี "ความโดดเด่น แต่ผิดปกติ" ในลักษณะทางสัณฐานวิทยา[10] ปัจจุบันเหลือเพียง 8 ชนิดย่อยที่ได้รับการยอมรับ[8][11] แม้ว่าหนึ่งในนั้น (สิงโตแหลมกูดโฮพ ปกติจำแนกเป็น Panthera leo melanochaita) อาจเป็นโมฆะ[11] แม้ว่า 7 ชนิดย่อยที่เหลืออาจดูมาก แต่ความแปรผันของไมโทคอนเดรียในสิงโตแอฟริกาปัจจุบันกลับไม่มากนักซึ่งแสดงว่าสิงโตในตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราทั้งหมดสามารถพิจารณาเป็นชนิดย่อยเดียวกันได้ อาจเป็นเพราะการแยกตัวในสองเครือบรรพบุรุษหลัก หนึ่งในทางตะวันตกของเกรตริฟต์แวลลีย์ และอีกหนึ่งในทางตะวันออก สิงโตจากซาโว (Tsavo) ในทางตะวันออกของประเทศเคนยามีพันธุกรรมใกล้เคียงกับสิงโตในทรานซ์วาล (Transvaal) แอฟริกาใต้มากกว่าสิงโตในเทือกเขาอเบอร์แดร์ (Aberdare) ในทางตะวันตกของประเทศเคนยา[12][13] ในทางกลับกัน เปอร์ คริสเตียนเซน (Per Christiansen) ทำการวิเคราะห์กะโหลกสิงโต 58 กะโหลกในสามพิพิธภัณฑ์ในยุโรป และพบว่าถ้าใช้สัณฐานวิทยาของกะโหลกสามารถแยกชนิดย่อยได้เป็น krugeri nubica persica และ senegalensis ขณะที่มีการเลื่อมล้ำกันระหว่าง bleyenberghi กับ senegalensis และ krugeri สิงโตเอเชีย persica มีความโดดเด่นอย่างเด่นชัด และสิงโตแหลมกูดโฮพมีลักษณะใกล้ชิดกับสิงโตเอเชียมากกว่าสิงโตแอฟริกา[14]
[แก้] สิงโตในปัจจุบัน
มี 8 ชนิดย่อยในปัจจุบัน (สมัยโฮโลซีน) ที่ได้รับการยอมรับ:- P. l. persica หรือที่รู้จักกันในชื่อ สิงโตเอเชีย สิงโตเอเชียใต้ สิงโตเปอร์เซีย หรือสิงโตอินเดีย มีการกระจายพันธุ์จากประเทศตุรกีข้ามเอเชียตะวันตกเฉียงใต้สู่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย และแม้กระทั่งประเทศบังคลาเทศ อย่างไรก็ดี ด้วยความที่มันเป็นสิงโตฝูงใหญ่และออกหากินในเวลากลางวันทำให้ง่ายต่อการล่ามากกว่าเสือโคร่งหรือเสือดาว ปัจจุบันเหลือเพียงราว 300 ตัวในอุทยานแห่งชาติป่ากีร์ในประเทศอินเดีย[15] หลักฐานทางพันธุกรรมชี้ให้เห็นบรรพบุรุษสิงโตอินเดียแยกออกจากบรรพบุรุษของสิงโตแอฟริกาในระหว่าง 74,000 และ 203,000 ปีมาแล้ว[8]
- P. l. leo หรือที่รู้จักกันในชื่อสิงโตบาร์บารี เดิมมีการกระจายพันธุ์จากประเทศโมร็อกโกถึงประเทศอียิปต์ ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติจากการถูกล่าอย่างหนัก สิงโตบาร์บารีตัวสุดท้ายถูกฆ่าตายในประเทศโมร็อกโกในปี ค.ศ. 1922[16] เป็นสิงโตชนิดย่อยที่มีขนาดใหญ่มากชนิดหนึ่ง[17] มีรายงานว่ายาว 3–3.3 เมตร (10–10.8 ฟุต) และหนักมากกว่า 200 กก. (440 ปอนด์) ในเพศผู้ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสิงโตเอเชียมากกว่าสิงโตแอฟริกา มีสิงโตจำนวนหนึ่งในกรงเลี้ยงที่อาจจะเป็นสิงโตบาร์บารี[18] โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิงโต 90 ตัวที่ได้รับสืบทอดมาจากราชวงศ์โมร็อกโกที่สวนสัตว์ราบัต (Rabat)[19]
- P. l. senegalensis หรือที่รู้จักกันในชื่อสิงโตแอฟริกาตะวันตกพบในทางตะวันตกของแอฟริกาจากประเทศเซเนกัลถึงประเทศไนจีเรีย[20]
- P. l. azandica หรือที่รู้จักกันในชื่อสิงโตคองโกตะวันออกเฉียงเหนือพบในบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของคองโก
- P. l. nubica หรือที่รู้จักกันในชื่อสิงโตแอฟริกาตะวันออก สิงโตมาไซ หรือสิงโตซาโว พบทางตะวันออกของแอฟริกาจากประเทศเอธิโอเปียและประเทศเคนยาถึงประเทศแทนซาเนียและประเทศโมซัมบิก[20]
- P. l. bleyenberghi หรือที่รู้จักกันในชื่อสิงโตแอฟริกาตะวันตกเฉียงใต้ หรือสิงโตกาตองกา พบในทางตะวันตกเฉียงใต้ของแอฟริกา ประเทศนามิเบีย ประเทศบอตสวานา ประเทศแองโกลา กาตองกา (ซาเอียร์) ประเทศแซมเบีย และประเทศซิมบับเว[20]
- P. l. krugeri หรือที่รู้จักกันในชื่อสิงโตแอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้ หรือ สิงโตทรานเวล พบในบริเวณทรานเวลของแอฟริกาตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงอุทยานแห่งชาติครูเกอร์[20]
- P. l. melanochaita หรือที่รู้จักกันในชื่อสิงโตแหลมกูดโฮพ สูญพันธุ์จากธรรมชาติราวปี ค.ศ. 1860 ผลจากการวิจัยไมโตคอนเดรีย DNA พบว่าไม่ควรแยกสิงโตแหลมกูดโฮพออกมาเป็นชนิดย่อย อาจเป็นไปได้ว่าสิงโตแหลมกูดโฮพเป็นประชากรที่อยู่ใต้สุดของการกระจายพันธุ์ของสิงโตชนิด
A citizen titanium watch design
ตอบลบA citizen titanium watch can titanium rings be resized design, titanium carabiners the titanium piercing jewelry premium stainless titanium nitride bolt carrier group steel watches constructed in titanium steel, is made with the world's finest titanium steel and $55.00 · Out of stock titanium blue